สาเหตุ |
| เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Corynebacterium diphtheriae) มักจะเป็นในระบบทางเดินหายใจ ต่อมทอนซิล ลำคอ |
กล่องเสียงหรือจมูก |
|
อาการและการติดต่อ |
| ติดต่อทางตรงโดยผู้ป่วยเป็นพาหะ ติดจากละอองน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยหรือจากน้ำนมที่มีเชื้อโรค โดยการใช้ขวดนมร่วมกันของเด็กที่เป็นโรคติดต่อทางอ้อม โดยการใช้ภาชนะ ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ป่วย พบมากในแหล่งชุมชน หรือสถานที่แออัด |
เช่น สถานเลี้ยงเด็ก อาการของโรคคอตีบจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉียบพลัน หลังจากผ่านระยะฟักตัวหรือเมื่อ เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 2-5 วัน |
บริเวณที่ติดเชื้อจะมีแผ่นเนื้อเยื่อสีเทา หรือ สีขาว เกิดที่ผนังของหลอดคอและที่ต่อม |
ทอนซิล รอบ ๆ แผ่นเยื่อสีเทานี้จะบวมแดง อันเนื่องมาจากการอักเสบ อาการโดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บในหลอดคอ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ถ้าเป็นคอตีบของกล่องเสียง จะมีอาการบวมมาก |
อาจทำให้หายใจไม่ออก ทำให้เด็กเล็กๆ ตายได้ง่าย แต่ถ้าเป็นคอตีบที่โพรงจมูกจะมีอาการเล็กน้อย |
และมักจะเรื้อรัง โดยมีน้ำมูกข้างใดข้างหนึ่งอาจมีเลือดปนคอตีบของผิวหนังจะเกิดแผล มีสะเก็ด |
สีเหลืองหนาบนปากแผล สะเก็ดจะติดแน่นบนผิวหนังมักมีอาการเรื้อรังเช่นเดียวกับคอตีบที่ช่องจมูก |
| โรคแทรกซ้อน อาจเกิดโรคหัวใจอักเสบ หรือมีอาการอักเสบของประสาทสมอง โรคอัมพาตเนื่องจากพิษทางประสาท |
| โรคไข้คอตีบ มักพบมากในเด็กก่อนและระยะต้น ๆ ของวัยเรียน คือช่วงอายุ 2-5 ปี หรือพบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 15 |
ปี ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับภูมิคุ้มกันก็อาจป่วยเป็นไข้คอตีบได้ |
| | |
การตรวจวินิจฉัยโรค |
| 1. | ดูจากอาการผู้ป่วย |
| 2. | ตรวจพบเนื้อเยื่อสีเทาหรือสีขาว (Tenacious gray pseudomembrane) ที่บริเวณ ซึ่งตัวเชื้อโรคเข้าไป |
| | นำไปเพาะเชื้อ |
| | |
การป้องกัน |
| 1. |
การให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ (Toxoid) ให้ครอบคลุม ควรเริ่มในเด็กทารกด้วย วัคซีน DTP ซี่งประกอบด้วย
|
| | Toxoid คอตีบToxoid บาดทะยัก และวัคซีนไอกรน โดยฉีดในเด็ก อายุ 2-3 เดือน ฉีดเข็ม 2 และ 3 ห่างกัน |
| | เข็มละ 2 เดือน แล้วฉีดกระตุ้นหลังเข็มสุดท้ายประมาณ 1 ปี สำหรับเด็กหรือผู้สัมผัสโรค ควรฉีด Antitoxin |
| | โดยพิจารณาปริมาณตามความรุนแรงของโรค เพื่อป้องกันโรค |
| 2. | ไม่ควรใกล้ชิดผู้ป่วย จนกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า เด็กนั้นไม่เป็นพาหะของโรคแล้ว |